จากชีวิตนักปั่นสู่สนามนักซิ่งแห่งแบริ่ง

เคยคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ซื้อรถก่อนซื้อบ้านแน่ๆ แล้วตอนนี้ก็ยังไม่มีเงินซื้อบ้าน เพราะฉะนั้นกว่าจะขับรถเป็นคงขึ้นเลข 3 ก่อนแน่ๆ แต่จุดพลิกผันก็มาถึงเมื่อบริษัทส่งไปทำงานที่นอร์เวย์ช่วงปลายเดือนกันยายน เลยเกิดกิเลสอยากไปเที่ยวต่อไอซ์แลนด์เพราะว่าช่วงนั้นเค้าว่าแสงเหนือกำลังแรง อยากสัมผัสสักครั้งหนึ่งก่อนตาย แล้วไอซ์แลนด์เนี่ยเป็นประเทศที่ออกแบบมาให้ขับรถถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มากกก (เดี๋ยวจะมาเขียนเกี่ยวกับไอซ์แลนด์อีกที) สรุปว่าไปกัน 3 คน ขับรถเป็นคนเดียว เพื่อความสะดวกเลยต้องไปเรียนขับรถจะได้เที่ยวสบายๆ หน่อย

อันดับแรกเลยก็มานั่งหาโรงเรียนสอนขับรถยนต์ในกรุงเทพ พบว่ามีเยอะมากมายหลายที่ เลือกกันได้ตามสะดวก

สุดท้ายเลือกที่ SR Driving แถวแบริ่ง เหตุผลคือเว็บดูดี ใกล้ที่พัก และอยากดูว่าดีจริงอย่างที่เค้าว่ากันรึเปล่า (เอามาเขียนบล็อกนี้เนี่ยแหละ)

วันไปสมัครพี่เค้าถามว่าเรียนเลยได้ไหม วันนั้นเลย สมัครตอนบ่ายสาม เรียนตอนหกโมงครึ่ง ไอ้เราก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่หรอกนะเพราะไม่ได้มีนัดอะไร แต่ปัญหาคือว่างสามชั่วโมงเนี่ยจะไปอยู่ไหน แต่ก็ตอบตกลงไป จ่ายเงินไป 4,000 บาท เป็นคอร์สเกียร์ออร์โต 10 ชั่วโมง กับค่าอบรมใบขับขี่ (มีแบบฝึกหัดข้อสอบของขนส่งขายด้วยเล่มละร้อยแต่ไม่ได้ซื้อมา)

ทีแรกจะไปดูหนังรอ แต่ปรากฏว่าเมเจอร์สำโรงมีแต่พากย์ไทย .. จบ

เรียนวันแรก

ถึงเวลาเรียน ไปถึงช้าไปห้านาที เพราะรถติดมาก ตรงนั้นเค้ากำลังสร้างรถไฟฟ้า รอครูมารับห้านาที ขับรถไปสนามซ้อมของทางโรงเรียนอีกห้านาที หลังจากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลง ครูอาร์ตสอนเรื่องรอบการหมุนของพวงมาลัยกับเกียร์นิดหน่อยแล้วให้ขับเลย! ขับวนขวาในสนามนั่นแหละอยู่ 1 ชั่วโมง ไม่เห็นเหมือนที่บอกไว้ในเว็บเลยว่าจะสอนปุ่มควบคุม ไฟเลี้ยว การปรับเบาะ ฯลฯ เสร็จแล้วครูให้ขับกลับเลยไปจอดที่ปั๊มน้ำมันใกล้รถไฟฟ้าแบริ่ง ยังงงอยู่ว่าเรียนสองชั่วโมง ทำไมมันหายไปครึ่งชั่วโมง (ครูบอกว่าเผื่อเวลาให้ครูขับรถกลับ ? เยอะไปไหม)

ครูไม่ดุนะครับ แต่ดูครูเบื่อๆ เพราะต้องนั่งดูนักเรียนอย่างเดียว ผมก็ชวนคุยไม่เก่งด้วยสิ

เรียนวันที่สอง

วันนี้ตื่นแต่เช้าไปอบรมใบขับขี่ที่วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ เป็นการอบรมที่ค่อนข้างหน้าเบื่อมากกกถึงมากที่สุด ถามว่าได้ความรู้ไหม ก็ได้นะ แต่ว่าน้ำเยอะไปหน่อย วิทยากรก็โม้เยอะ สอนให้ท่องจำซะเป็นส่วนใหญ่ (แน่ล่ะ อบรมแค่สี่ชั่วโมงเองนี่)

เจอสาวน้อยหน้าม้า หน้าตาน่ารักมากเลย ><

เสร็จแล้วไปเรียนวันที่สอง วันนี้ครูไม่พอ จากที่นัดไว้รอบบ่ายสาม ต้องรอถึงสี่โมงกว่าจะได้เรียน ครูให้ขับวนเหมือนเดิมอยู่สองสามรอบ แล้วก็ออกถนนใหญ่เลย ขับวนทวนเข็มไปเส้นแบริ่งแล้วก็กลับไปที่ออฟฟิศที่สำโรง วันนี้รถสภาพไม่ค่อยดี พวงมาลัยศูนย์ไม่ตรงเลย โดนครูบ่นตลอดเพราะขับไม่ตรง T-T แถมคราวนี้โดนเรื่องหมุนพวงมาลัยไปเยอะ หมุนไม่เนียนบ้าง มือ/แขนดูมั่วๆ บ้าง ถือว่าวันนี้ได้เรื่องความเนียน แต่ไม่ช่วยเรื่องสอบใบขับขี่เท่าไหร่นะ

เรียนวันที่สาม

ครั้งนี้ห่างหายจากครั้งที่สองไปหลายสัปดาห์เพราะหนีไปเที่ยวบ้าง ขี้เกียจบ้าง แต่ก็รู้สึกว่าก็ยังพอจำความรู้สึกได้นะ ไม่ได้เกร็งอะไรเท่าไหร่ วันนี้ครูพาออกข้างนอกอีกแล้ว นั่งคิดในใจว่าเมื่อไหร่จะได้ซ้อมท่าสอบ กลัวจะไม่ผ่านเอา

วันนี้ขับออกไปสุวรรณภูมิ ระหว่างขับก็ไม่มีอะไรมาก ทางตรงซะส่วนใหญ่ มีขึ้นลงสะพานเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กลัวอะไรแล้ว จะไม่ชินตอนเลี้ยวแบบในซอยเนี่ยแหละ เพราะยังกะระยะไม่ค่อยได้ ที่ไม่ค่อยชอบก็คือครูชอบบ่นว่ามองกระจกด้วย บ่นไปถึงเรื่องที่บอกว่าปั่นจักรยาน บ่นว่าปั่นจักรยานหรือเดินก็ต้องมองนะว่ามีรถมีคนรึเปล่า ฯลฯ คือก็บอกไปแล้วว่าไม่ชินรถ คนไม่เคยขับรถเว่ยเฮ้ย

เรียนวันที่สี่

ครั้งนี้ซ้อมท่าสอบ มีสามท่าแต่ครูบอกว่าเอาแค่สองท่าก่อน คือท่าจอดเทียบฟุตบาทกับเดินหน้าถอยหลัง ครูสอนแบบว่าท่องจำมาก กระจกอยู่ตรงนี้ค่อยเลี้ยว ป้ายนี้อยู่ข้างหน้าค่อยหักพวกมาลัย ฯลฯ แต่พอครูลงไปก็ไม่ได้ทำแบบที่ครูสอนละ ใช้ความรู้สึกเอา รู้สึกดีกว่าเยอะ

เรียนวันที่ห้า

วันนี้นั่งรถสองแถวไปที่สนามของโรงเรียนเอง ค้นพบว่าเร็วกว่ากันเยอะ ไม่เสียเวลาเรียนที่ครูต้องไปรับไปส่งด้วย มาถึงก็ซ้อมท่าถอยเข้าจอด กับท่าอื่นๆ วนไปวนมา ถือว่าง่ายเลยทีเดียว จริงๆ ให้เรียนพร้อมกันหมดจะดีมาก จะได้เหลือ 1 วันไว้ซ้อมขับหลังได้ใบขับขี่

วันสอบ

ตื่นแต่ตีสามครึ่งไปถึงโรงเรียน มีคนมารออยู่ห้าสิบกว่าคนได้ โรงเรียนก็พาขึ้นรถตู้ไปที่ขนส่งสมุทรปราการ ไกลใช้ได้เลย เพิ่งจะเข้าใจว่าการสอบใบขับขี่ช่วงนี้มีการแข่งขันกันสูงมาก หกโมงเปิดรับคิว รับแค่ 80 คนเท่านั้น คนที่ 81 ตกรอบ ต้องมาใหม่วันหลัง (เฉพาะคนมาสอบใหม่นะ มาต่ออายุก็รับบัตรคิวอื่นตามปกติ)

สิ่งที่ต้องเตรียมมาด้วย

  1. สำเนาบัตรประชาชน
  2. ใบรับรองแพทย์ (ขอจากคลินิกก็ได้)
  3. ใบรับรองการอบรม (ถ้าไปอบรมข้างนอกมา)

การสอบแบ่งเป็นสามส่วน

  1. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย - ตาปกติ ประสาทการรับรู้ปกติ คิดว่าผ่านกัน 99%
  2. สอบทฤษฎี - ข้อสอบดูได้จากเว็บของกรมการขนส่งทางบอกเลย http://apps.dlt.go.th/e_exam/ ไม่ยากจนเกินไป 50 ข้อ ผิดได้ 5 ข้อ แต่เห็นบางคนมาสอบ 7 ครั้งแล้วยังไม่ผ่านก็มี
  3. สอบปฏิบัติ - อันนี้ก็ไม่ต้องตื่นเต้น ตามที่ซ้อมมาเลย เริ่มด้วยท่าจอดเทียบฟุตบาท ถอยเข้าจอด แล้วจบด้วยเดินหน้าถอยหลัง

เสร็จแล้วก็ไปรอจ่ายเงิน รอรับใบขับขี่กันได้เลย

ภาพประกอบโดย Thomas Anderson